เมนู

ปราภวสูตรที่ 6


ว่าด้วยความเสื่อม 12 อย่าง


[303] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยาม
สิ้นไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้
สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มี
พระภาคเจ้าแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
[304] ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถาม
ถึงผู้เสื่อม และคนผู้เจริญกะท่านพระโคดม
จึงขอทูลถามว่า อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม
ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้
เสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้
เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 1.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าขอพระองค์
จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 2 อะไรเป็นทางของ
คนเสื่อม.

คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำ
สัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจธรรมของอสัต-
บุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะ
เหตุนั้นแล เราจงทราบข้อนี้เถิดว่า ความ
เสื่อมนั้นเป็นที่ 2.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์
จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 3 อะไรเป็นทางของ
คนเสื่อม.

คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น
เกียจคร้าน โกรธง่าย ข้อนั้นเป็นทางของ
คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด
ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 3.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์
จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 4 อะไรเป็นทางของ
คนเสื่อม.

คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือ
บิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้ว ข้อ
นั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล
เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น
เป็นที่ 4.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 5 อะไรเป็นทาง
ของคนเสื่อม.

คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้
วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท ข้อนั้นเป็นทางของ
คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด
ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 5.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 6 อะไรเป็นทาง
ของคนเสื่อม.

คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกิน
กินของอร่อยแต่ผู้เดียว ข้อนั้นเป็นทางของ
คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด
ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 6.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 7 อะไรเป็นทาง
ของคนเสื่อม.

คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะ
ทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร ย่อมดูหมิ่น
ญาติของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า
ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 7.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 8 อะไรเป็นทาง
ของคนเสื่อม.

คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลง
สุรา และเป็นนักเลงการพนันผลาญทรัพย์
ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า
ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 8.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 9 อะไรเป็นทาง
ของคนเสื่อม.

คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตนประ-
ทุษร้ายในภริยาของคนอื่นเหมือนประทุษร้าย
ในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า
ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 9.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 10 อะไรเป็นทาง
ของคนเสื่อม.

ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา
ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิง

รุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า
ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 10.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่11 อะไรเป็นทาง
ของคนเสื่อม.

คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือ
แม้ชายเช่นนั้นไว้ในความเป็นใหญ่ ข้อนั้น
เป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั่น เราจง
ทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 11.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ 12 อะไรเป็น
ทางของคนเสื่อม.

ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภค-
ทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่ ปรารถนา
ราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม.

บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอัน
ประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้ เป็นผู้
เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คน
ผู้เจริญ).

จบปราภวสูตรที่ 6

อรรถกาปราภวสูตร


ปราภวสูตรเริ่มต้นว่า เอวมฺเม สุตํ ดังนี้ :-
มีอุบัติอย่างไร ? ได้ยินว่า เทวดาทั้งหลายฟังมงคลสูตรแล้ว ได้มี
ปริวิตกนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสความเจริญและความสวัสดีแก่สัตว์ทั้งหลาย
ในมงคลสูต ตรัสแต่ความเจริญโดยส่วนเดียวเท่านั้น ไม่ตรัสความเสื่อมเลย
เอาเถิด บัดนี้ สัตว์ทั้งหลายย่อมเสื่อม ย่อมพินาศ ด้วยเหตุแห่งความเสื่อมใด
พวกเราจะทูลถามถึงเหตุแห่งความเสื่อมนั้น ของสัตว์เหล่านั้น.
ลำดับนั้น ในวันที่ 2 แต่วันที่ตรัสมงคลสูตร เทวดาทั้งหลายใน
หมื่นจักรวาล ประสงค์จะฟังพระสูตรว่าด้วยความเสื่อม ประชุมกันในจักรวาล
หนึ่งนี้ จึงนิรมิตอัตภาพละเอียด 10 อัตภาพบ้าง 20 อัตภาพบ้าง 30 อัตภาพ
บ้าง 40 อัตภาพบ้าง 50 อัตภาพบ้าง 60 อัตภาพบ้าง 70 อัตภาพบ้าง
80 อัตภาพบ้าง ในโอกาสที่สุดแห่งปลายขนทรายหนึ่ง ได้ยืนแวดล้อม
พระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งประทับนั่งบนบวรพุทธอาสน์ที่ปูแล้ว รุ่งโรจน์ข่มทับ
เทวดา มาร และพรหมทั้งปวง ด้วยสิริและเดช แต่นั้น เทวบุตรองค์หนึ่ง
ถูกท้าวสักกะจอมเทวินทร์ตรัสสั่งแล้ว ทูลถามปัญหาเกี่ยวกับความเสื่อมกะ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสูตรนี้ ด้วยอำนาจ
แห่งการถาม.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอวมฺเม สุตํ เป็นต้น ท่านพระอานนท์
กล่าว. คาถาในลำดับหนึ่ง โดยนัยมีอาทิว่า ปราภวนฺตํ ปุริสํ เทวบุตร